
KOA สรุปให้! ปัญหาถุงใต้ตาบวมคืออะไร? สาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง
- ถุงใต้ตาบวมเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย โดยเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของไขมันและเนื้อเยื่อใต้ตา ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนเพลียและดูมีอายุมากกว่าความเป็นจริง โดยมีสาเหตุทั้งจากปัจจัยภายใน เช่น พันธุกรรม อายุ ฮอร์โมน และโครงสร้างกระดูกใบหน้า รวมถึงสาเหตุจากพฤติกรรม เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ การดื่มน้ำน้อย และความเครียดสะสม
- การรักษาถุงใต้ตาบวมมีหลายวิธี ตั้งแต่วิธีธรรมชาติที่เหมาะกับถุงใต้ตาเทียม เช่น การนอนพักผ่อน การดื่มน้ำ และการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุง ไปจนถึงการรักษาทางการแพทย์สำหรับถุงใต้ตาแท้ เช่น การผ่าตัดถุงใต้ตาและการจัดเรียงไขมันใต้ตา โดยก่อนเข้ารับการรักษาควรตรวจสุขภาพ ปรึกษาแพทย์ และวางแผนการพักฟื้น
- การป้องกันถุงใต้ตาบวม ทำได้โดยการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง และดูแลผิวรอบดวงตาอย่างสม่ำเสมอ เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเฉพาะสำหรับผิวรอบดวงตา และการใช้ครีมกันแดดเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของผิว
- หากคุณกำลังมองหาผู้ชำนาญการที่สามารถแนะนำเรื่องการแก้ปัญหาถุงใต้ตาบวม ที่ KOA clinic พร้อมดูแลคุณด้วยจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการ เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการดูแลแบบองค์รวม เพื่อให้คุณได้ดวงตาที่สวยงาม เป็นธรรมชาติ และมั่นใจในทุกการมอง สามารถปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ไลน์ @koaclinic ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!
อาการใต้ตาบวมและถุงใต้ตาบวมเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนเพลีย ขาดความสดใส และอาจทำให้ดูมีอายุมากกว่าความเป็นจริง การทำความเข้าใจสาเหตุและวิธีการรักษาที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ บทความนี้จากทาง KOA ได้สรุปสาระสำคัญที่ควรทราบเกี่ยวกับถุงใต้ตาบวมพร้อมมีวิธีการรักษามาให้แล้ว สามารถอ่านเพื่อทำความเข้าใจไปพร้อมกันได้เลย
ถุงใต้ตาบวมคืออะไร?

ถุงใต้ตาบวมเกิดจากการที่ไขมันใต้ตาและเนื้อเยื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดการยื่นออกมาหรือหย่อนคล้อย บางคนอาจมีอาการใต้ตาบวมร่วมด้วย ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจและการใช้ชีวิตประจำวันการแก้ถุงใต้ตาจึงเป็น ทางเลือกที่หลายคนสนใจใช้ในการรักษาปัญหาดังกล่าว
สาเหตุของการเกิดถุงใต้ตาบวม
สาเหตุของการเกิดถุงใต้ตาบวมมีอยู่ด้วยกันหลากหลายปัจจัย แต่เราสามารถแบ่งออกเป็นปัจจัยหลัก ๆ ได้ดังนี้
สาเหตุจากปัจจัยภายใน
- พันธุกรรม : ด้วยปัจจัยทางพันธุกรรม บางคนอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดถุงใต้ตาได้ง่ายกว่าคนอื่น โดยเฉพาะหากมีพ่อแม่หรือญาติสายตรงที่มีลักษณะถุงใต้ตาชัดเจน
- อายุที่เพิ่มขึ้น : ทำให้เกิดการหย่อนคล้อยของผิวและกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะในช่วงอายุ 35 ปีขึ้นไปที่มักพบปัญหานี้ได้บ่อย
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน : โดยเฉพาะในผู้หญิงช่วงก่อนมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือวัยหมดประจำเดือน อาจส่งผลให้เกิดการคั่งของน้ำในร่างกาย รวมถึงบริเวณใต้ตา ทำให้เกิดอาการบวมและมองเห็นถุงใต้ตาชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนยังอาจส่งผลต่อการสร้างคอลลาเจนและความยืดหยุ่นของผิวอีกด้วย
- โครงสร้างกระดูกใบหน้า : โครงสร้างกระดูกใบหน้าที่มีลักษณะเฉพาะตัว เช่น เบ้าตาตื้น หรือมีร่องใต้ตาที่ลึก อาจทำให้เห็นถุงใต้ตาได้ชัดเจนกว่าคนทั่วไป เนื่องจากไม่มีโครงสร้างกระดูกที่รองรับและพยุงไขมันใต้ตาอย่างเพียงพอ
สาเหตุจากพฤติกรรม
- พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้เกิดอาการใต้ตาบวม : การพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการใต้ตาบวมและถุงใต้ตาบวมที่พบได้บ่อย เมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ จะส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองบริเวณใต้ตาไม่ดี ทำให้เกิดการคั่งของของเหลวและสารพิษ
- ดื่มน้ำน้อยเกินไป : การดื่มน้ำน้อยเกินไปทำให้ร่างกายพยายามเก็บกักน้ำไว้ตามส่วนต่างๆ รวมถึงบริเวณใต้ตา เนื่องจากร่างกายต้องการรักษาสมดุลของน้ำ เมื่อได้รับน้ำไม่เพียงพอ ผิวจะขาดความชุ่มชื้น ทำให้เห็นถุงใต้ตาและริ้วรอยชัดเจนขึ้น
- รับประทานอาหารรสเค็มมากเกินไป : การรับประทานอาหารที่มีรสเค็มมากเกินไปส่งผลให้ร่างกายกักเก็บน้ำไว้มากขึ้น เพื่อรักษาสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาที่มีผิวบางและอ่อนนุ่ม จะเห็นการบวมน้ำได้ชัดเจน
- ความเครียดสะสม : ความเครียดสะสมส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลในร่างกาย ซึ่งมีผลต่อการเก็บกักน้ำและเกลือแร่ ทำให้เกิดอาการบวมใต้ตาได้ง่าย นอกจากนี้ ความเครียดยังส่งผลให้การนอนหลับไม่มีคุณภาพ ทำให้ร่างกายไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เมื่อรวมกับการทำงานของระบบประสาทที่แปรปรวน จึงยิ่งทำให้เกิดอาการบวมใต้ตาและถุงใต้ตาที่ชัดเจนขึ้น
วิธีรักษาถุงใต้ตาบวมมีอะไรบ้าง?

การรักษาถุงใต้ตาสามารถทำได้ด้วยกันหลายวิธี โดยแบ่งประเภทได้ดังนี้
วิธีธรรมชาติ
เป็นการรักษาที่เหมาะกับภาวะถุงใต้ตาเทียม ซึ่งเป็นการเกิดภาวะที่มีลักษณะคล้ายกับถุงใต้ตา เมื่อปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็สามารถหายเองได้ โดยมีวิธีการดังนี้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อฟื้นฟูร่างกายและช่วยให้ผิวพรรณดูสดใสขึ้น
- ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ซึ่งช่วยในการขับสารพิษและคงความชุ่มชื้นให้กับผิว
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตาที่เหมาะสมก็สำคัญเพื่อช่วยลดความหมองคล้ำและริ้วรอย
- ประคบเย็นเพื่อช่วยลดอาการบวมและลดความเครียดจากการใช้ดวงตานาน ๆ
การรักษาทางการแพทย์
เป็นการรักษาที่เหมาะกับภาวะถุงใต้ตาแท้ ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดจากการสะสมของไขมัน เเละผิวบริเวณเปลือกตาล่างหย่อนคล้อย ทำให้ก้อนไขมันปูดนูนออกมา อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้เกิดลักษณะบวมและหย่อนคล้อยบริเวณใต้ดวงตา โดยมีวิธีการให้เลือกดังนี้
- การผ่าตัดถุงใต้ตา : โดยแพทย์ผู้ชำนาญการ เป็นการผ่าตัดนำถุงไขมันใต้ตาออก ซึ่งช่วยลดขนาดของถุงใต้ตาได้ และยังช่วยให้ใต้ตาดูอิ่มและเรียบเนียนกว่าปกติอีกด้วย
- การจัดเรียงไขมันใต้ตา : เพื่อแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาบวม เป็นการผ่าตัดเพื่อปรับแต่งไขมันที่อยู่ใต้ตา ลดการดูหย่อนคล้อยหรือบวมของถุงใต้ตา
ข้อควรรู้ก่อนเข้ารับการรักษาถุงใต้ตาบวม
ก่อนเข้ารับการรักษาถุงใต้ตาบวม มีปัจจัยต่าง ๆ ที่เราควรพิจารณาและเตรียมตัวดังนี้
1. ตรวจสุขภาพร่างกายให้พร้อม
การตรวจสุขภาพก่อนการรักษาถุงใต้ตาบวมเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากอาการบวมใต้ตาอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น โรคไต ความดันโลหิตสูง หรือการแพ้บางอย่าง แพทย์จะตรวจคัดกรองสาเหตุของอาการบวมโดยละเอียด รวมถึงประเมินความเหมาะสมในการรักษาด้วยวิธีต่างๆ โดยพิจารณาจากประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวของคุณ
2. ปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม
ถุงใต้ตาบวมสามารถรักษาได้หลายวิธี ตั้งแต่การปรับพฤติกรรม การใช้ครีมลดบวม ไปจนถึงการผ่าตัด การพูดคุยกับแพทย์อย่างละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุของอาการบวม พฤติกรรมการพักผ่อน และความคาดหวังต่อผลการรักษา จะช่วยให้แพทย์สามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
3. เตรียมตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
การเตรียมตัวสำหรับการรักษาถุงใต้ตาบวมมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะการปรับพฤติกรรมก่อนการรักษา เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม การลดอาหารรสเค็ม และการงดสารกระตุ้นต่างๆ นอกจากนี้ หากต้องเข้ารับการผ่าตัด ควรงดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด
4. วางแผนการพักฟื้นหลังการรักษา
การพักฟื้นหลังการรักษาถุงใต้ตาบวมจำเป็นต้องมีการวางแผนที่ดี โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องผ่าตัด ควรเตรียมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพักฟื้น เช่น หมอนหนุนศีรษะสูงเพื่อลดการบวม เจลประคบเย็น และแว่นกันแดดสำหรับป้องกันแสง วางแผนการลางานให้เพียงพอ โดยทั่วไปอาจต้องใช้เวลาพักฟื้น 7-14 วัน และควรมีผู้ดูแลในช่วงแรกของการพักฟื้นเพื่อให้การรักษาเกิดประสิทธิผลสูงสุด
วิธีป้องกันการเกิดถุงใต้ตาบวม
นอกเหนือจากการรักษาถุงใต้ตาบวมแล้ว การป้องกันไม่ให้เกิดถุงใต้ตาบวมก็เป็นอีกวิธีสำคัญที่คุณสามารถทำได้เช่นกัน โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง
การมีสุขภาพที่แข็งแรงเป็นพื้นฐานสำคัญในการป้องกันปัญหาถุงใต้ตาบวม ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มที่ทำให้เกิดการกักเก็บน้ำ ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยขับสารพิษและลดการสะสมของของเสียใต้ดวงตา รวมถึงออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี
2. พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นสาเหตุหลักของการเกิดถุงใต้ตาบวม ควรนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน และควรนอนก่อนเที่ยงคืน เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่ ใช้หมอนที่มีความสูงเหมาะสมเพื่อช่วยให้การไหลเวียนเลือดบริเวณใบหน้าดีขึ้น และหลีกเลี่ยงการใช้หน้าจอดิจิทัลก่อนนอน
3. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง
พฤติกรรมหลายอย่างสามารถกระตุ้นให้เกิดถุงใต้ตาบวมได้ เช่น การขยี้ตาแรง ๆ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการนอนดึกเป็นประจำ ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ และระมัดระวังการใช้เครื่องสำอางรอบดวงตา โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
4. ดูแลผิวรอบดวงตาอย่างสม่ำเสมอ
ผิวรอบดวงตาเป็นบริเวณที่บอบบางและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับผิวรอบดวงตา โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารลดการบวมน้ำ เช่น คาเฟอีน หรือสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้การทาครีมบำรุงเบา ๆ โดยไม่ดึงรั้งผิว และใช้ครีมกันแดดทุกครั้งเมื่อออกแดดเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของผิวก่อนวัยก็สามารถช่วยลดภาวะถุงใต้ตาบวมได้เช่นกัน
สรุปบทความ

อาการถุงใต้ตาบวมเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของไขมันและเนื้อเยื่อใต้ตา ทำให้เกิดการยื่นออกมาหรือหย่อนคล้อย รวมถึงปัจจัยจากพฤติกรรม เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ การดื่มน้ำน้อย การรับประทานอาหารรสเค็ม และความเครียดสะสม
การรักษาถุงใต้ตาบวมสามารถทำได้หลายวิธี โดยแบ่งเป็นวิธีธรรมชาติและการรักษาทางการแพทย์ ทั้งนี้ก่อนเข้ารับการรักษา มีข้อควรรู้ที่สำคัญ ได้แก่ การตรวจสุขภาพร่างกายให้พร้อม การปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม การเตรียมตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากคุณกำลังประสบปัญหาถุงใต้ตาบวม KOA clinic พร้อมดูแลคุณด้วยทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยวินิจฉัยสาเหตุและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยและการดูแลแบบองค์รวม เพื่อให้คุณมั่นใจในทุกการมอง ปรึกษาเราได้ฟรีที่ไลน์ @koaclinic
