ถามหมอได้เลยครับ
icon-phone
  1. หน้าแรก
  2. บทความและข่าวสาร
  3. ยกคิ้วคืออะไร เหมาะกับใคร ช่วยแก้ปัญหาคิ้วตกได้จริงไหม

ยกคิ้วคืออะไร เหมาะกับใคร ช่วยแก้ปัญหาคิ้วตกได้จริงไหม

เขียนเมื่อ: 27/1/2025
ยกคิ้วคืออะไร เหมาะกับใคร ช่วยแก้ปัญหาคิ้วตกได้จริงไหม

โคอาสรุปให้ ยกคิ้วช่วยแก้ปัญหาคิ้วตกได้จริงไหม เหมาะกับใคร?

  • ปัญหาคิ้วตกสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งกรรมพันธุ์ อายุที่เพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อผิดปกติ การประสบอุบัติเหตุ หรือแม้แต่ผลข้างเคียงจากการทำศัลยกรรมตาที่ไม่เหมาะสม
  • การแก้ปัญหาคิ้วตกแบบไม่ผ่าตัด เช่น การฉีดโบท็อกซ์ การร้อยไหม หรือการทำ Ulthera จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคิ้วตกในระดับไม่มาก และต้องการทางเลือกที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่ผลการรักษาจะอยู่ได้ไม่นานเท่าการผ่าตัด
  • การผ่าตัดยกคิ้วสามารถแก้ไขปัญหาคิ้วตกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผลลัพธ์ที่ถาวรกว่า โดยมีทั้งเทคนิคการผ่าตัดแบบดั้งเดิมและเทคนิคเอนโดไทน์ที่ใช้อุปกรณ์พิเศษ ช่วยให้แผลเล็กและฟื้นตัวเร็วขึ้น
  • ผู้ที่เหมาะกับการผ่าตัดยกคิ้ว ได้แก่ ผู้ที่มีปัญหาคิ้วตกระดับปานกลางถึงมาก ผู้ที่รักษาแบบไม่ผ่าตัดไม่ได้ผล หรือผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ถาวร แต่ควรคำนึงถึงระยะเวลาพักฟื้นและค่าใช้จ่ายที่อาจสูงกว่าวิธีอื่น
  • KOA clinic พร้อมดูแลคุณด้วยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการดูแลแบบองค์รวม เพื่อให้คุณได้ดวงตาที่สวยงาม เป็นธรรมชาติ และมั่นใจในทุกการมอง สามารถปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ไลน์ @koaclinic ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!

ปัญหาคิ้วตกสามารถส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจของคุณได้มากกว่าที่คิด เพราะนอกจากจะทำให้ใบหน้าดูอ่อนล้า ไม่สดใสแล้ว ยังอาจส่งผลต่อการมองเห็นและความรู้สึกหนักตาได้อีกด้วย วันนี้ KOA clinic จะพาคุณมาทำความรู้จักกับการยกคิ้ว วิธีแก้ไขปัญหาคิ้วตกที่ได้ผลยั่งยืน พร้อมทั้งข้อควรรู้ต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษา

ยกคิ้วคืออะไร?

ยกคิ้ว หรือศัลยกรรมยกคิ้ว (Eyebrow Lifting) เป็นการผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาคิ้วตกและผิวหนังบริเวณเหนือคิ้วที่หย่อนคล้อย โดยจะช่วยยกคิ้วให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เพิ่มระยะห่างระหว่างคิ้วและตา ทำให้ดวงตาดูสดใส และช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น ในบางกรณียังสามารถช่วยแก้ปัญหา หางตาตก และ หนังตาตก ได้อีกด้วย

คิ้วตกเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง?

ก่อนจะเข้าใจเรื่องการรักษา เรามาทำความรู้จักกับสาเหตุของคิ้วตกกันก่อน เพราะการรู้สาเหตุจะช่วยให้เลือกวิธีการรักษาได้เหมาะสมยิ่งขึ้น

1. เกิดจากกรรมพันธุ์

ลักษณะทางพันธุกรรมเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บางคนมีแนวโน้มเกิดคิ้วตกตั้งแต่กำเนิด โดยอาจพบได้ทั้งแบบคิ้วตกทั้งสองข้าง หรือข้างเดียว นอกจากนี้ยังอาจเกี่ยวข้องกับลักษณะโครงสร้างกระดูกเบ้าตาและกล้ามเนื้อรอบดวงตาที่ทำให้บางคนมีแนวโน้มที่จะมีคิ้วอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าปกติตั้งแต่วัยเด็กด้วย

2. เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น

เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง ส่งผลให้ผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณคิ้วสูญเสียความยืดหยุ่น และเกิดการหย่อนคล้อยตามแรงโน้มถ่วง โดยเฉพาะในช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไปที่การเปลี่ยนแปลงจะชัดเจนมากขึ้น จนทำให้เกิดปัญหาคิ้วตกตามมาได้

3. เกิดจากกล้ามเนื้อเปลือกตาผิดปกติ

ความผิดปกติของเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อรอบดวงตาสามารถส่งผลให้กล้ามเนื้อเปลือกตาและกล้ามเนื้อคิ้วทำงานไม่สัมพันธ์กัน ทำให้การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อไม่สมดุล และเกิดภาวะกล้ามเนื้อเปลือกตาอ่อนแรง จนส่งผลให้ตำแหน่งคิ้วเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้

4. เกิดจากกล้ามเนื้อหน้าผากอ่อนแรง

กล้ามเนื้อหน้าผาก (Frontalis Muscle) มีหน้าที่สำคัญในการยกคิ้วและแสดงสีหน้า เมื่อกล้ามเนื้อส่วนนี้อ่อนแรง หรือทำงานผิดปกติ ไม่ว่าจะเกิดจากความเสื่อมตามวัย โรคทางระบบประสาท หรือการใช้งานมากเกินไป จะทำให้คิ้วไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งปกติและตกลงมาได้

5. เกิดจากการประสบอุบัติเหตุบริเวณรอบดวงตา

การได้รับบาดเจ็บบริเวณดวงตา หรือหน้าผาก ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุจากการชน กระแทก หรือการผ่าตัดในบริเวณใกล้เคียง อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อกล้ามเนื้อ เส้นประสาท หรือเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ส่งผลให้การทำงานของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการยกคิ้วผิดปกติ ทำให้เกิดคิ้วตกได้ในภายหลัง

6. เกิดจากการทำตาสองชั้นด้วยเทคนิคที่ไม่เหมาะสม

การทำตาสองชั้นที่มีการตัดเนื้อเยื่อออกมากเกินความจำเป็น หรือใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสมกับสภาพตาของผู้เข้ารับการรักษา อาจส่งผลให้เกิดการดึงรั้งของผิวหนังและกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ตาสองชั้นหลบใน หรือคิ้วตกตามมาในภายหลังได้

มีวิธีแก้คิ้วตกโดยไม่ต้องผ่าตัดไหม?

ก่อนจะตัดสินใจยกคิ้วด้วยการผ่าตัด มีวิธีการรักษาแบบไม่ผ่าตัดที่สามารถช่วยบรรเทาอาการคิ้วตกได้ ดังนี้

การฉีดโบท็อกซ์บริเวณคิ้ว

การฉีดโบทูลินัมท็อกซิน หรือโบท็อกซ์ เป็นวิธีที่นิยมในการแก้ไขคิ้วตกแบบไม่ผ่าตัด โดยแพทย์จะฉีดสารเข้าไปยังกล้ามเนื้อที่ดึงคิ้วลง เช่น กล้ามเนื้อ Orbicularis Oculi และ Corrugator ทำให้กล้ามเนื้อเหล่านี้อ่อนแรงชั่วคราว ส่งผลให้กล้ามเนื้อที่ยกคิ้วทำงานได้ดีขึ้น มีข้อดีตรงที่ใช้เวลาทำเพียง 15-30 นาที และเห็นผลภายใน 3-7 วัน แต่จะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือนเท่านั้น

การร้อยไหม

การร้อยไหมยกคิ้วใช้ไหมละลายชนิดพิเศษสอดผ่านใต้ผิวหนัง เพื่อยึดเกาะและยกคิ้วให้สูงขึ้น นอกจากจะได้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีแล้ว ไหมยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับขึ้นตามธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีคิ้วตกระดับน้อยถึงปานกลาง โดยผลการรักษาจะอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของไหม เเละผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเเต่ละบุคคล ปี 

การทำหัตถการยกกระชับผิวอย่าง Ulthera หรือ HIFU

การใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูงเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง โดยเครื่องจะปล่อยพลังงานคลื่นอัลตร้าซาวด์ คในระดับลึก 3-4.5 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นชั้น Smas ช่วยยกกระชับผิวบริเวณคิ้วได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีคิ้วตกไม่มาก โดยผลการรักษาจะเห็นผลหลังทำทันที 20% เเละค่อย ๆ ดีขึ้นใน 2-3 เดือน และอยู่ได้นาน 1 ปี 

เมื่อไหร่ถึงต้องทำศัลยกรรมยกคิ้ว?

เมื่อไหร่ถึงต้องทำศัลยกรรมยกคิ้ว

หากการรักษาแบบไม่ผ่าตัดไม่ได้ผล ให้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจ หรือคุณมีปัญหาคิ้วตกมากจนรบกวนการมองเห็น หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น หนังตาตก มีอาการหนักตาจนต้องใช้มือยกคิ้วบ่อยๆ แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาด้วยการศัลยกรรมยกคิ้วอย่างเหมาะสม 

ขั้นตอนการศัลยกรรมยกคิ้วเป็นอย่างไร?

การผ่าตัดยกคิ้ว มีขั้นตอนสำคัญดังนี้

  • ตรวจสภาพผิวและความยืดหยุ่นของผิวหนังบริเวณคิ้ว
  • วางแผนการรักษาและลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับสภาพปัญหามากที่สุด
  • ทำความสะอาดบริเวณที่จะผ่าตัด และการให้ยาระงับความรู้สึก
  • แพทย์วาดจุดตำแหน่งที่จะผ่าตัด
  • ให้ยาระงับความรู้สึกโดยวิสัญญีแพทย์
  • เปิดแผลเล็กๆบริเวณไรผม 4 จุด
  • แพทย์จะใช้กล้อง endoscope และเครื่องมือขนาดเล็ก ช่วยยกคิ้ว
  • คลายผิวหนังหน้าผากโดยรอบ
  • ดึงยกหน้าผากให้ตึง ยึดติดหน้าผากกับกระดูกด้วยเอนโดไทน์ (endotine)
  • เมื่อยกคิ้วเสร็จแล้ว จะการเย็บปิดแผลด้วยเทคนิคพิเศษเพื่อให้แผลเป็นมองเห็นน้อยที่สุด 

ข้อดีของการศัลยกรรมยกคิ้ว

การศัลยกรรมยกคิ้วมีข้อดีหลายประการ ดังนี้

  • ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าวิธีอื่น ๆ 
  • แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุได้อย่างแท้จริง
  • ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น
  • ลดอาการหนักตาและอ่อนล้า
  • สามารถแก้ไขความไม่สมมาตรของคิ้วได้
  • ช่วยเพิ่มความมั่นใจในบุคลิกภาพ

ข้อเสียของศัลยกรรมยกคิ้ว

การศัลยกรรมยกคิ้ว มีข้อควรพิจารณาดังนี้

  • มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าวิธีการรักษาแบบไม่ผ่าตัด
  • ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น
  • อาจมีรอยแผลเป็นเล็กน้อย แต่รอยเเผลจะซ่อนอยู่ในไรผม
  • มีความเสี่ยงจากการผ่าตัดเช่นเดียวกับการผ่าตัดทั่วไป
  • อาจเกิดอาการชาบริเวณที่ผ่าตัดชั่วคราว
  • ต้องดูแลแผลผ่าตัดอย่างระมัดระวัง
  • ต้องใช้ยาสลบ 

ศัลยกรรมยกคิ้วแตกต่างจากเอนโดไทน์อย่างไร?

การยกคิ้ว มีเทคนิคการผ่าตัดหลัก 2 แบบ คือ การผ่าตัดแบบดั้งเดิม (Traditional Brow Lift) และการผ่าตัดแบบเอนโดไทน์ (Endotine Brow Lift) ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน

วิธีการผ่าตัดแบบดั้งเดิมนั้น จะใช้การตัดผิวหนังส่วนเกินออกและเย็บยึดคิ้วในตำแหน่งใหม่โดยตรง ทำให้แผลค่อนข้างยาวและใช้เวลาฟื้นตัวนาน ในขณะที่เทคนิคเอนโดไทน์จะใช้อุปกรณ์พิเศษที่เรียกว่า “Endotine” ซึ่งมีลักษณะคล้ายตะขอขนาดเล็กฝังไว้ใต้ผิวหนัง เพื่อยึดและพยุงคิ้วให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ ทำให้แผลมีขนาดเล็กกว่า เนื่อจากใช้การส่องกล้อง Endoscopic เข้าไปผ่าตัด ทำให้เเผลมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับการศัลยกรรมยกคิ้วเเบบดั้งเดิม จึงฟื้นตัวได้เร็วกว่า และได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากกว่า แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเช่นกัน

แก้ปัญหาคิ้วตกโดยจักษุแพทย์ ที่ KOA clinic

การยกคิ้วเป็นศัลยกรรมที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความละเอียดอ่อนสูง เพราะนอกจากจะต้องคำนึงถึงความสวยงามแล้ว ยังต้องคำนึงถึงการทำงานของกล้ามเนื้อและการมองเห็นด้วย ที่ KOA Clinic เรามีจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมดูแลคุณด้วยการดูแลแบบองค์รวม เพื่อให้คุณได้ดวงตาที่สวยงาม เป็นธรรมชาติ และสามารถใช้งานได้ดี มั่นใจในทุกการมองเห็น สามารถปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ไลน์ @koaclinic ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!

icon-share
แชร์หน้านี้ :

ช่องทางติดตามคลินิก

Koaclinic
Koaclinic
Koaclinic
Koaclinic
Koaclinic
เริ่มดูปัญหาของคุณที่นี่ ส่งข้อมูล ปรึกษาคุณหมอ